มาป้องกันยุงลายเจ้าตัวร้าย
ที่แพร่เชื้อไข้เลือดออกกัน
หลายพื้นที่ของประเทศมีฝนตก
ทำให้มีแอ่งน้ำขังหรือมีน้ำขังอยู่ตามเศษวัสดุ เศษภาชนะต่างๆ
จานรองกระถางต้นไม้ และกาบใบไม้ กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อย่างดีของยุงลาย
อาจทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก ซึ่งโรคนี้พบผู้ป่วยได้ตลอดปี
แต่จะพบมากในช่วงฤดูฝน ทุกแห่ง
จัดการสิ่งแวดล้อมให้ปลอดยุงลายเพื่อลดปริมาณยุงลายให้มาก
ไข้เลือดออกขณะนี้พบได้ทุกวัย
จะมีอาการป่วยหลังถูกยุงลายที่มีเชื้อไข้เลือดออกกัดประมาณ 5-8 วัน ลักษณะอาการเริ่มจากมีไข้สูงกะทันหัน ไข้จะสูงติดต่อกัน 2-7
วัน ผิวหน้าแดง ปวดกระบอกตา ปวดศีรษะ ครั่นเนื้อครั่นตัว
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูก คลื่นไส้ อาเจียน แต่จะไม่มีอาการไอ
ไม่มีน้ำมูกไหล เหมือนไข้หวัด นอกจากนี้ อาจมีผื่นหรือจุดแดงๆ
ขึ้นที่ใต้ผิวหนัง หลังจากนั้นไข้จะลง ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะฟื้นตัว สดชื่น
แจ่มใสขึ้น และหายเป็นปกติ แต่จะมีผู้ป่วยประมาณร้อยละ 2-5 ที่มีอาการช็อก เนื่องจากมีเลือดออกในอวัยวะภายใน เป็นอันตรายมาก
มักจะเกิดหลังไข้ลง อาการที่สังเกตได้คือผู้ป่วยจะซึมลง เบื่ออาหาร
มีอาการเพลียมาก ปวดท้อง อาเจียน กระสับกระส่าย มือเท้าเย็น ถ่ายปัสสาวะน้อยลง
ขอให้รีบพาไปโรงพยาบาลทันที
กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องระวังเป็นพิเศษ
คือ กลุ่มเด็กเล็ก เพราะเด็กยังไม่สามารถบอกอาการตัวเองได้
ดังนั้นจึงขอให้ผู้ปกครองใช้วิธีสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด
หากหลังให้กินยาลดไข้ คือยาพาราเซตามอล
หรือเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่นแล้วไข้ไม่ลดภายใน 2 วัน
หรือเด็กร้องกวนมาก ไม่กินนม
ขอให้ผู้ปกครองคิดถึงว่าเด็กอาจป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก
ให้รีบพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องและรักษาอย่างทันท่วงที
สำคัญที่สุดในการให้ยาลดไข้ ขอให้ใช้ยาพาราเซตามอล
ห้ามใช้ยาแอสไพริน อย่างเด็ดขาด เนื่องจากหากป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก
ซึ่งมีเลือดออกในอวัยวะภายในอยู่แล้ว ยาแอสไพรินจะทำให้มีเลือดออกมากขึ้น
เพราะคุณสมบัติของแอสไพรินจะต้านการแข็งตัวของเกร็ดเลือด
ทำให้เลือดหยุดยากและเสียชีวิตได้
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น